บ่อยครั้งจะได้ยินพี่ๆหลายๆคนแนะนำว่าให้ลงทุนอย่างมีความสุข
ลงทุนให้ถูกกับจริตของตัวเอง แต่คำถามที่ตามมาคือ แล้วอะไรคือจริตของเรา
ลงทุนแบบไหนทำให้เรามีความสุข แค่ลงทุนให้กำไรก็มีความสุขแล้วไม่ใช่หรือ
สมัย
เด็กๆผมชอบเล่นสนุกกับเพื่อนๆแถวบ้าน และพี่น้องของผมมาก
ตอนเด็กมีเกมให้ผมเล่นหลายอย่างเลย หนึ่งในเกมที่ผมจำได้ชัดเจนก็คือ
การเล่นอัดดินน้ำมัน
ตอนนั้นผมกับพี่น้องเล่นอัดดินน้ำมันกันทุกวันจนมือเป็นหนองเต็มไปหมด
โดยในแต่ละวันเมื่อผมได้ค่าขนมมาวันละ 2 บาท ผมจะนำไปซื้อดินน้ำมัน
ซึ่งตอนนั้นขายกันก้อนเล็กๆก้อนละ 1 บาท มีหลายสีให้เลือก
หลังจากซื้อมาแล้วก็เอามาเล่นกัน
โดยในการเล่นจะเริ่มต้นโดยการปั้นดินน้ำมันเป็นวงกลมแล้ววางลงที่พื้นแล้วผลัดกันเอาก้อนดินน้ำมันของตัวเองปาอัดลงไปใส่ดินน้ำมันของคนอื่น
ซึ่งถ้าใครปาแม่นก็จะปาไปโดนของคนอื่น
หลังจากนั้นเมื่อเรายกก้อนดินน้ำมันของเราขึ้นมาแล้วก้อนดินน้ำมันของคนอื่นติดขึ้นมาด้วย เราก็จะได้ดินน้ำมันของคนอื่นก้อนนั้นไปเลย แต่ถ้าเราปาพลาด
ก็จะเป็นทีของคนอื่นปาบ้าง วนกันไปเรื่อยๆ
มีรู้สึกสนุกในการเล่น
แข่งกัน รู้สึกเพลิดเพลินไปกับการอัดดินน้ำมัน บางวันผมก็แพ้ บางวันผมก็ชนะ
และในบางครั้งผมก็ชนะติดต่อกันหลายวันทำให้ได้ดินน้ำมันสะสมมาเยอะมาก
ผมได้เรียนรู้ความรู้สึกของตัวเองเวลาที่ผมหมดตัว
เงินค่าขนมถูกนำไปซื้อดินน้ำมันมาเล่นจนหมด
ยิ่งถ้าแพ้เร็วก็ยิ่งเสียดายเงิน
ความรู้สึกนั้นในเวลาที่เล่นแพ้ค่อนข้างเครียด
แต่แปลกมาก
วันที่ผมเล่นชนะ หลังจากเล่นเสร็จแทนที่ผมจะดีใจมีความสุข แต่กลับไม่ใช่
ผมสังเกตความรู้สึกตัวเองเวลาที่เล่นชนะได้ดินน้ำมันของคนอื่นมาจนหมดแล้วพบ
ว่า ผมมีความทุกข์เช่นกัน แต่เป็นความทุกข์คนละแบบกับตอนเล่นแพ้
ความทุกข์ที่ผมมีจะชัดเจนมากขึ้นถ้าคนที่ผมเล่นชนะเป็นพี่ชายหรือน้องชายของ
ผมเอง เพราะผมจะรู้สึกสงสาร เป็นห่วง
และเสียใจอยู่ลึกๆเวลาที่เห็นพี่ชายหรือน้องชายผมเศร้าๆไปเพราะหมดตัว
หลายๆครั้งจึงจบด้วยการแบ่งคืนให้บางส่วนเพื่อให้มีความหวัง
มีทุนไปเล่นใหม่
ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะตอนที่เล่นอัดดินน้ำมันอย่างเดียว
เวลาเล่นเขี่ยรูปลอก เล่นไพ่กินรูปลอกสะสม ก็เป็นเช่นกัน
และความรู้สึกเหล่านี้นี่เองที่เป็นสิ่งกำหนดวิถีการลงทุนของผมในปัจจุบัน
ใน
อดีตผมเคยมีประสบการณ์ในการซื้อหุ้นวัฏจักร หรือหุ้นที่ขึ้นลงเป็นรอบๆสั้นๆ
รวมทั้งหุ้นปั่นทั้งหลายด้วย
ตอนที่ซื้อผมมีความเชื่อและหวังว่าหุ้นเหล่านี้ราคาจะปรับเพิ่มขึ้นในเวลาไม่นาน แล้วตั้งใจไปขายตอนจะหมดรอบที่ราคาแพงๆ
ความรู้สึกตอนที่ขายนั้นผมเชื่อว่าหุ้นใกล้จุดสูงสุด
และอีกไม่นานหุ้นก็จะลง แต่เมื่อผมขายหุ้นแล้วหุ้นลงไปจริงๆ
ความรู้สึกในวัยเด็กก็กลับมาอีกครั้ง
ผมกลับรู้สึกสงสารคนที่มาซื้อหุ้นที่ราคาสูงๆต่อจากผม
และไม่ได้มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น
หลังจากที่ผมอยู่ในตลาดหุ้นมา
หลายปี ผมก็พบว่ามีหุ้นอยู่เพียงประเภทเดียวที่ผมลงทุนแล้วมีความสุข
เป็นหุ้นที่ถูกจริตกับผม และกลายเป็นวิถีการลงทุนของผมมาจนทุกวันนี้
หุ้นประเภทนี้สามารถสร้างความพึงพอใจให้ได้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
หุ้นที่ว่านี้ก็คือหุ้นที่มีผลประกอบการเติบโตขึ้นทุกปีๆ
เพราะเมื่อผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปีเป็นเวลาหลายปี
ราคาก็จะสะท้อนออกมาและทำให้ราคาหุ้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
นั่นคือไม่ว่าใครที่ซื้อหุ้นนี้ไปและถือนานพอ เวลาที่ขายก็จะได้กำไรเสมอ
และคนที่มาซื้อต่อในภายหลังก็เช่นกัน
เมื่อถือนานพอจนราคาปรับเพิ่มขึ้นตามผลประกอบการ เขาก็จะมีกำไร
ข้อ
ดีอีกอย่างหนึ่งของหุ้นประเภทที่ผลประกอบการเติบโตทุกๆปีก็คือ
หากเราประเมินมูลค่าหุ้นผิด และซื้อไปในราคาที่แพงในปีนี้
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะเมื่อเวลาผ่านไปผลประกอบการก็จะเพิ่มขึ้นมา
และในที่สุดราคาหุ้นก็จะปรับเพิ่มสูงขึ้นทันราคาที่เราซื้อเอาไว้ก่อนหน้า
นี้ ผิดกับหุ้นประเภทอื่นที่เมื่อเราซื้อผิดจังหวะ หรือผิดราคา
เราก็อาจจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีกเลย
หรือถ้ามีก็ต้องใช้เวลานานหลายปีเลยทีเดียว
แล้วคุณล่ะค้นพบแล้วยัง
ว่าหุ้นประเภทไหนที่คุณลงทุนแล้วมีความสุข?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น